1915 - PRESENT DAY
HISTORY
MAN TRUCK & BUS SE
MAN ได้เขียนประวัติศาสตร์ของตัวเองด้วยการพัฒนาโรงงานประกอบขนาดเล็กไปจนกลายเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำระดับสากลด้านรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ปัจจุบันรถบรรทุกและรถโดยสารที่มีสัญลักษณ์สิงโตเงินสามารถพบเห็นได้บนถนนทั่วทุกมุมโลก โดย MAN ต้องเอาชนะความท้าทายอันสำคัญบางประการบนเส้นทางนี้เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จระดับนานาชาติ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทยังคงให้ความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า ซึ่งเป็นประเพณีอันดีงามที่จะดำเนินต่อไปในอีก 100 ปีข้างหน้า กว่าศตวรรษกับการเดินทางผ่านการสร้างรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของ MAN
1915
การผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เริ่มต้นที่โรงงานประกอบขนาดเล็กในเมืองลินเดาบนทะเลสาบคอนสแตนซ์ ในขณะนี้โรงงานแห่งนี้ยังคงเป็นที่รู้จักในชื่อ M.A.N. -Saurer Truck Works ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Adolph Saurer AG บริษัทสัญชาติสวิส ที่ยังมีการผลิตรถบรรทุกคาร์ดานขนาดเบา เช่นเดียวกับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยโซ่ขนาดใหญ่ หนึ่งปีต่อมาก็ได้มีการย้ายฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จากเมืองลินเดาไปยังเมืองนูเรมเบิร์ก
Brochure for the M.A.N.-Saurer Truck Works
1924
การเปิดตัวครั้งแรกของโลก: : MAN ได้เปิดตัวรถยนต์แบบเครื่องยนต์ดีเซลคันแรกของโลกที่มีระบบอัดฉีดเชื้อเพลิงและโครงสร้างของรถบัสที่เป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมดบนตัวถังแบบโลว์-เฟรม แชสซี1930
ในช่วงทศวรรษที่ 1930 MAN ได้สร้างรถบัส 3 เพลาและรถรางขึ้นเป็นคันแรก มันคือรถบรรทุกดีเซลขนาดใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดในโลกในขณะนั้นด้วยกำลังแรงม้าขนาด 140/150 แรงม้า รวมไปถึงการพัฒนาเทอร์โบชาร์จเจอร์สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และ MAN ยังได้นำระบบการผลิตแบบสายงานการประกอบมาใช้งานอีกด้วย
Touring Berlin on an MAN bus in 1929
1939-45
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โรงงานในเมืองนูเรมเบิร์กถูกโจมตีทางอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไรก็ตามการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สำหรับพลเรือนได้รับประคับประคองอย่างยาวนานที่สุด นอกเหนือจากนี้การผลิตส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่รถถัง รถโดยสาร และรถบรรทุกที่ใช้เป็นยานพาหนะทางทหาร เช่น 'Einheitsdiesel' (เครื่องยนต์ดีเซลแบบสม่ำเสมอ) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และปลายปี 1944 โรงเก็บและเครื่องจักรการผลิตก็ถูกทำลายเกือบทั้งหมดการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์การผลิตรถบรรทุกปี 1951
เดินทางสู่อดีตกับ MAN นั่นคือปี 1951 กับการเข้าชมโรงงานผลิตรถ MAN และดูลำดับการผลิตแบบดั้งเดิมในการผลิตรถบรรทุกหน้าสั้นรุ่น MAN F8 ตั้งแต่การเริ่มต้นขั้นตอนการผลิตจนถึงกระบวนการจัดส่ง
1953
รถบรรทุกและรถโดยสารหน้าสั้นรุ่น F8 ในตำนานกับการออกแบบ MKN พร้อมฝาห้องเครื่องรูปทรงจระเข้ที่สร้างภาพลักษณ์บนท้องถนนเยอรมันในช่วงเวลาของการปรับโฉมใหม่และการเริ่มต้นของเยอรมันในยุค ‘Wirtschaftswunder’ (ยุคเศรษฐกิจมหัศจรรย์)เมื่อพูดถึงรถออฟโรดส่วนใหญ่เป็นรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรของ MAN และ Ackerdiesel ที่ยังคงใช้อยู่บ้างในปัจจุบันสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมไม้

Press photo of the first MAN truck from the plant in Munich, 1955
1965
หลังจากนั้นเพียงสิบปี รถบรรทุกจำนวน 100,000 คันก็ออกจากสายการผลิตนี้ภาพลักษณ์สำคัญของรถที่วิ่งบนถนนธรรมดาและถนนขรุขระในทศวรรษนี้คือรถรุ่น Hauber อันทรงพลังและรถแท็กซี่ที่มีเครื่องยนต์ที่เรียกว่า "Pausbacke"1971
MAN เข้าควบกิจการบริษัทบุซซิ่ง (Büssing) ในต้นทศวรรษ 1970 นี่คือวิธีที่ทำให้ค้นพบสิงโตของเมืองบราวนชไวก์ (Braunschweig) ที่นำมาใช้เป็นโลโก้ผลิตภัณฑ์ของ MAN ในปัจจุบัน MAN เข้าสู่การผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกน้ำหนักเบาโดยร่วมมือกับบริษัท Saviem ผู้ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของฝรั่งเศสและต่อมาก็ได้ร่วมมือกับบริษัท Volkswagen เพื่อผลิตรถยนต์รถบรรทุกของ MAN รุ่น 19.280 ได้รับเลือกให้เป็น 'Truck of the Year' ในปี 1978 - ความโดนเด่นมากมายที่ตามมา
ในศตวรรษที่ 1970 และ 1980 รถของ MAN ในรุ่น SAW มีการขยายตัวซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระดับสากล
ผู้ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในเมืองมิวนิกยังคงผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกและรถโดยสารให้แก่แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกาและตุรกี อีกทั้งยังสามารถบรรลุกำลังการผลิตจำนวนมากในออสเตรียด้วยการเข้าควบกิจการแบรนด์ ÖAF, Gräf & Stift และ Steyr.MAN ได้ก่อตั้งกลุ่มยานยนต์ซึ่งประกอบด้วยรถบรรทุกในรุ่นที่มีน้ำหนักเบา น้ำหนักกลางและรถบรรทุกขนาดใหญ่รุ่น G90, M90 และ F90 ซึ่งยังคงมีอยู่ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันในปัจจุบัน









1992
MAN เปิดตัวรถโค้ชรุ่น MAN Lion's Star FRH 442 ที่ได้รับรางวัล Coach of the Year ในปี 1994 การผลิตรถบัสเกิดขึ้นที่โรงงานของบริษัทบุซซิ่ง (Büssing) เดิมในเมืองซัลทซ์กิทเทอร์ (Salzgitter) ซึ่ง MAN ได้เข้าควบกิจการแล้วในปี 1971
The three generations of NEOPLAN buses
2005
MAN เปิดตัวรถบรรทุกรุ่น TGL และ TGM; ซึ่งเป็นรถบรรทุกขนาดเบาและขนาดกลางรุ่นใหม่ ในขณะนั้นการมีการเปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นใหม่ด้วยนวัตกรรม Common-Rail-Systems และ MAN HydroDrive® ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถสลับสับเปลี่ยนได้นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในส่วนของรถบัส เนื่องจาก MAN Lion’s City ได้รับรางวัล 'Bus of the Year'.
2007
MAN สร้างความสำเร็จครั้งใหม่กับระบบขนส่งระหว่างประเทศอัตโนมัติด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ 2 รุ่นใหม่ TGX และ TGS ในฐานะรุ่นที่สืบทอดมาจากรุ่น TGA ในปี 2008 รถรุ่นใหม่นี้ได้รับรางวัล "Truck of the Year" และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล German Design Award รถบรรทุกรุ่น V8 มีกำลัง 680 แรงม้าเป็นรถบรรทุกรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป
Dual leadership: the TGX and TGS make up MAN’s new heavy-duty truck series
2010
รถโดยสารไฮบริดรุ่น MAN Lion‘s City Hybrid เป็นรถโดยสารรุ่นที่สี่ที่เข้าสู่การผลิต ด้วยแนวคิดการขับเคลื่อนแบบไฮบริดที่เป็นนวัตกรรมใหม่ทำให้รถรุ่นนี้สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 25% และได้รับรางวัล "ÖkoGlobe" และ "Red Dot Design" ในปี 25542012
ในปี 2012 MAN เปิดตัวเทคโนโลยีใหมเป็นระบบควบคุมไอเสีย Euro 6 ที่งาน IAA รถบรรทุกรุ่น TG ได้รับการปรับโฉมใหม่: สัญลักษณ์ Lion ถูกขยัยจากตำแหน่งที่อยู่ในตอนแรกมาอยู่ในตำแหน่งเหนือตัวอักษรที่ประกอบเป็นโลโก้ของ บริษัท จากจุดนี้เรื่อยไปก็ทำให้เกิดพลวัตในแง่ของรูปแบบมากขึ้น2016
การเปิดตัวแบบ World premières เมื่อรถโค้ช NEOPLAN Tourliner รุ่นใหม่พร้อมกับรถบรรทุกรุ่น TG ได้รับการปรับโฉมขนานใหญ่ ทำให้กลุ่มผู้ผลิตในเมืองมิวนิกกำลังก้าวเข้าสู่โลกของการเป็นผู้ขนส่งเป็นครั้งแรก โดย MAN ที่กำลังเสร็จสิ้นทำตลาดระดับล่างของกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยรถแวนรุ่นใหม่รุ่น MAN TGE เป็นรถแวนที่มีน้ำหนักรวมที่ได้รับอนุญาตระหว่าง 3.0 ถึง 5.5 ตัน ด้วยเหตุนี้ MAN จึงกลายเป็นซัพพลายเออร์แบบครบวงจร นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอแนวคิดใหม่สำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและการทำตลาดดิจิทัลมาใช้รถยนต์ MAN TG รุ่นใหม่
เป็นรุ่นที่มีการทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืนเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ขั้นสูง มีประสิทธิภาพระดับสูงสุดและการทำงานที่เหนือชั้น ซึ่งทั้งหมดนี้พบได้ในการออกแบบที่สร้างความมั่นใจให้กับบริษัทมากขึ้นพร้อมฟังก์ชันการทำงานที่เหมาะสมที่สุด วิดีโอต่อไปนี้จะแสดงรถรุ่นใหม่ของ MAN ที่ยังคงความยอดเยี่ยมไว้สม่ำเสมอ ลองดูด้วยตัวคุณเอง